Dyno (ไดโน่) คือไรว้า…เหมือนไดเป่าผมหรือป่าว

ถามกันเข้ามาเยอะเกี่ยวกับเครื่องมือที่ใช้ทดสอบ รถ หลังจูนเสร็จ เพื่อเปรียบเทียบ แรงม้า ว่ามากกว่าเดิมไหม ? มาทำความเข้าใจสั่นๆ กันหน่อย

Dynamometer หรือ (Dyno) เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบกำลังงาน แรงม้า แรงบิด และอื่นๆ ของเครื่องยนต์ ได้รับการเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า Dyno — ไดโน่ หรือการทดสอบบน Dyno test

Dyno สำหรับการทดสอบแบ่งได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ คือ

        1.Engine Dynamometer เป็น Dyno ที่ใช้ทดสอบกำลังงานของเครื่องยนต์โดยตรงที่ไม่มีการผ่านโหลดหรือระบบส่งกำลังใดๆ เรียกว่า การวัดกำลังงานที่หน้าฟลายวีล ซึ่งจะทำให้ค่ากำลังงานแรงม้าและแรงบิดของเครื่องยนต์จริงๆ
Dyno ประเภทนี้จะถูกใช้ในโรงงานผลิตรถยนต์ และผู้ผลิตรถยนต์จะใช้ค่าดังกล่าวนี้แจ้งข้อมูลกำลังงานของเครื่องยนต์ให้ผู้บริโภคทราบ (ค่ากำลังงานที่วัดจากผลายวีลจะสูงกว่าค่าที่วัดจ่ายเพลาหรือล้อประมาณ 10–15%)
         2. Chassis Dynamometer เป็น Dyno ที่วัดกำลังงานของเครื่องยนต์ที่มีการถ่ายทอดกำลังงานผ่านเกียร์และเพลาขับหรือเฟืองท้ายมาแล้ว การทดสอบจะต้องถอดล้อคู่หน้าหรือหลังที่เป็นล้อขับเคลื่อนออก เพื่อทำการสวมอะแดปเตอร์ของ Dyno เข้ากับเพลาDyno ประเภทนี้มีข้อดีในเรื่องของความปลอดภัย และสามารถจำลองโหลดในสภาวะต่างๆ ได้แต่มีข้อเสียคือ ใช้เวลาในการทดสอบมาก เพราะต้องถอด – ใส่ล้อ และการจัดตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์
            3 Roller Dynamometer เป็น Dyno ที่วัดกำลังงานของเครื่องยนต์ที่มีการถ่ายทอดกำลังงานผ่านเกียร์และเพลาขับหรือเฟืองท้ายมาแล้วเช่นเดียวกับ Chassis Dynamometer แต่ต่างกันตรงที่วิธีในการทดสอบ โดย Roller Dynamometer จะมีความสะดวกมากกว่า เพราะไม่ต้องถอดล้อ สามารถนำรถขึ้น Dyno เพื่อทดสอบได้เลยเพราะ Dyno แบบนี้จะมีลูกกลิ้งทำหน้าที่รองรับการหมุนของล้อ จำลองโหลด และบันทึกค่าต่างๆ

รู้จัก Dyno ประเภท Roller Dynamometer

Roller Dynamometer หรือ Dyno แบบที่เป็นลูกกลิ้งยังแบ่งแยกย่อยได้อีกตามรูปแบบและคุณสมบัติในการใช้งานคือ…

  • แบ่งตามรูปแบบได้ 2 แบบคือ แบบ Single Roller หรือแบบลูกกลิ้งเดี่ยว และแบบ Twin Roller หรือแบบลูกกลิ้งคู่
  • เมื่อเปรียบเทียบแล้วจะเห็นได้ว่า ระหว่าง Twin rollers(2 ลูกกลิ้ง) กับ Single roller (ลูกกลิ้งเดี่ยว) มีความแตกต่างกันที่ล้อ ส่วนหลักการทดสอบนั้นภาพด้านบน อธิบายถึง Twin rollers(2 ลูกกลิ้ง)จะมีแรงกดและหน้าสัมผัสที่ล้อมากกว่า แบบ Single roller (ลูกกลิ้งเดี่ยว) เพราะฉะนั้น Single roller (ลูกกลิ้งเดี่ยว)เหมาะสมกับรถที่แรงม้าสูง และมีความเสถียรกว่าแบบ 2 ลูกกลิ้ง

ครั้งหน้าจะมาพูดถึง แรงม้า แรงบิล มันคืออะไร มีไว้ทำไม และควรรู้ไหม ติดตามกันได้ครับ

WINWIN API ผู้เขียน

Shopping Cart
0
Scroll to Top